เรื่องราววัยรุ่น 4 คนที่เป็นเหมือนของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดสมัยใหม่ทามกลางสังคมอันย้อยแย้ง คนแรก “ยอง” เป็นนักเรียนดีเด่น พ่อแม่คาดหวังให้ไปเรียนเมืองนอก ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนมองประเทศไทยเป็นเหมือนรังนกที่เมื่อเติบโตขึ้นก็ทิ้งรังให้ว่างปล่าว แต่ก็แฝงถ้อยคำที่เจ็บแสบถึงวงการการศึกษาของไทยที่ยังไปไม่ถึงไหน เด็กคนที่ 2 “เจ” เป็นนักเรียนตัวแทนแข่งขันตอบวิทยาศาสตร์คู่หูกับยอง เสพติดหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และสร้างโลกมายาคติขึ้นมา คิดฝันจินตนาการราวกับว่าชีวิตจริงจะดำเนินเรื่องราวเช่นเดียวกับการ์ตูน เด็กคนที่ 3 “เบส” นักกีฬาปิงปอง รักปิงปองเป็นชีวิตจิตใจ อยากได้ไม้ปิงปองจากต่างประเทศ แต่กลับไม่สนใจสุขภาพตัวเอง (สูบบุหรี่) เด็กคนที่ 4 “เอ็ม” นักเรียนโรงเรียนช่าง แต่หลงรักการ Cover Dance แบบเกาหลี ขยันฝึกซ้อมจนลืมเรื่องการเรียน ในขณะเดียวกันก็มีแฟน และมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไมไ่ด้ป้องกัน จนมีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ ทั้ง 4 คนต้องมาร่วมกับแก้บนตามสิ่งที่ตัวเองได้ขอไว้ แต่ติดตรงที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลยไปปรึกษา “พี่นัท” สาวประเภทสองให้ฝึกซ้อมให้ ภาพยนตร์แอบซ่อนสัญลักษณ์ที่แฝงไว้ซึ่งปัญหาและข้อคิดมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยนำเสนอพร้อมๆ กับช่วงเวลาเดียวกับการชุมนุมทางการเมือง ผู้กำกับไม่พยายามชักจูงให้เรามองว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เพียงแต่ตั้งคำถามให้เราคิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ผมชอบที่หนังใช้โปรแกรมคล้ายๆกับ Simsimi (โปรแกรมหนึ่งที่คนไทยเคยฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นโปรแกรมที่คนที่ใช้ภาษาเดียวกันจะตั้งคำถามและตอบกันเอง) ตอบโต้กับยอง เหมือนกันว่าบางครั้งเจ้าโปรแกรมก็ตอบโต้ในสิ่งที่เราไม่เคยยั้งคิด ไม่เคยฉุกคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว ความเป็นไทยนั้น คืออะไรกันแน่ คือการรำไทย คือการเห็นแก่พรรคพวก (ฉากในร้านเกม) คือการฆ่าล้างผลาญกันของคนในชาติ คือการเย้ยหยันกับเพศที่สาม หรือคือการที่เมล็ดพันธู์ใหม่ของคนในชาตเห็นชาติอื่นดีกว่าชาติของตนเอง ไม่มีใครจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีกว่าเราพี่น้องคนไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเหมาะสำหรับคนไทยที่สุดด้วยประการทั้งปวง
วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
วิจารณ์หนัง: ตั้งวง, 2013 (Short Comments)
เรื่องราววัยรุ่น 4 คนที่เป็นเหมือนของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดสมัยใหม่ทามกลางสังคมอันย้อยแย้ง คนแรก “ยอง” เป็นนักเรียนดีเด่น พ่อแม่คาดหวังให้ไปเรียนเมืองนอก ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนมองประเทศไทยเป็นเหมือนรังนกที่เมื่อเติบโตขึ้นก็ทิ้งรังให้ว่างปล่าว แต่ก็แฝงถ้อยคำที่เจ็บแสบถึงวงการการศึกษาของไทยที่ยังไปไม่ถึงไหน เด็กคนที่ 2 “เจ” เป็นนักเรียนตัวแทนแข่งขันตอบวิทยาศาสตร์คู่หูกับยอง เสพติดหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และสร้างโลกมายาคติขึ้นมา คิดฝันจินตนาการราวกับว่าชีวิตจริงจะดำเนินเรื่องราวเช่นเดียวกับการ์ตูน เด็กคนที่ 3 “เบส” นักกีฬาปิงปอง รักปิงปองเป็นชีวิตจิตใจ อยากได้ไม้ปิงปองจากต่างประเทศ แต่กลับไม่สนใจสุขภาพตัวเอง (สูบบุหรี่) เด็กคนที่ 4 “เอ็ม” นักเรียนโรงเรียนช่าง แต่หลงรักการ Cover Dance แบบเกาหลี ขยันฝึกซ้อมจนลืมเรื่องการเรียน ในขณะเดียวกันก็มีแฟน และมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไมไ่ด้ป้องกัน จนมีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ ทั้ง 4 คนต้องมาร่วมกับแก้บนตามสิ่งที่ตัวเองได้ขอไว้ แต่ติดตรงที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลยไปปรึกษา “พี่นัท” สาวประเภทสองให้ฝึกซ้อมให้ ภาพยนตร์แอบซ่อนสัญลักษณ์ที่แฝงไว้ซึ่งปัญหาและข้อคิดมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยนำเสนอพร้อมๆ กับช่วงเวลาเดียวกับการชุมนุมทางการเมือง ผู้กำกับไม่พยายามชักจูงให้เรามองว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เพียงแต่ตั้งคำถามให้เราคิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ผมชอบที่หนังใช้โปรแกรมคล้ายๆกับ Simsimi (โปรแกรมหนึ่งที่คนไทยเคยฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นโปรแกรมที่คนที่ใช้ภาษาเดียวกันจะตั้งคำถามและตอบกันเอง) ตอบโต้กับยอง เหมือนกันว่าบางครั้งเจ้าโปรแกรมก็ตอบโต้ในสิ่งที่เราไม่เคยยั้งคิด ไม่เคยฉุกคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว ความเป็นไทยนั้น คืออะไรกันแน่ คือการรำไทย คือการเห็นแก่พรรคพวก (ฉากในร้านเกม) คือการฆ่าล้างผลาญกันของคนในชาติ คือการเย้ยหยันกับเพศที่สาม หรือคือการที่เมล็ดพันธู์ใหม่ของคนในชาตเห็นชาติอื่นดีกว่าชาติของตนเอง ไม่มีใครจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีกว่าเราพี่น้องคนไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเหมาะสำหรับคนไทยที่สุดด้วยประการทั้งปวง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น